|
พระสมเด็จกรุวังหน้า
วันที่ :
08 ตุลาคม 2554
|
รายละเอียด :
สมเด็จสายรุ้ง กรุเจดีย์ทอง วัดพระแก้ว
เป็นพระสมเด็จที่เจ้ากรมท่า หรือเรียกให้เต็มว่า เจ้าพระยาภานุวงศ์มหาโกษาธิบดี
(ท้วม บุนนาค) เสนาบดีกรมพระคลัง สมัยรัชกาลที่ 4-5 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2411 ท่านเจ้าคุณกรมท่ายกย่องนับถือในเกียรติคุณของสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เป็นอย่างยิ่ง เพราะท่านมีถิ่นกำเนิดอยู่ใกล้วัดระฆัง ประวัติบ่งว่า ท่านเจ้าประคุณสมเด็จโต เป็นประธานสงฆ์ในการทำพิธีพุทธาภิเษกพระสมเด็จชุดเบญจรงค์ ซึ่งเจ้าคุณกรมท่า และกรมพระราชวังบวรวิชัยชาญสถานมงคล (พระโอรสในสมเด็จพระปิ่นเกล้า ฯ) ซึ่งเป็นอุปราชวังหน้าองค์สุดท้ายในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นผู้สร้างขึ้น เป็นพิธีหลวง ณ วัดบวรสถานสุทธาวาส (อยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติปัจจุบัน) มีสุดยอดพระเกจิอาจารย์ในยุคนั้นร่วมพิธีพุทธาภิเษกถึง 108 รูป
สมเด็จรุ่นนี้มีมากมายหลายสิบพิมพ์ เช่นพิมพ์ใหญ่ 3 ชั้น พิมพ์ทรงเจดีย์ พิมพ์วัดเกตุไชโย พิมพ์พระพรหมรังสี พิมพ์นางพญา พิมพ์พระแก้วมรกต พิมพ์ปิดตา พิมพ์สังกัจจาย พิมพ์ลีลา พิมพ์นาคปรก พิมพ์สมาธิเรือนแก้วซุ้มรัศมี พิมพ์พระรอด พิมพ์ซุ้มกอ มีทั้งเนื้อกังไสผงดินสีขาวจากมณฑลกังไส แตกลายงาและไม่แตกลายงา โรยทองและไม่โรยทอง ทั้งลงรักโรยทองและลงชาดก็มี สีเบญจรงค์(5สี) สีเขียวไข่กา สีด้านมะลิสด สีแดง สีดินสอเหลืองผสมชาดหรดาล สีดำ(ผงใบลานคลุกรัก) เป็นต้น
พระสมเด็จชุดนี้ถือว่างดงามที่สุด และสร้างอย่างประรีตบรรจงที่สุด เมื่อเสร็จพิธีแล้วก็แจกจ่ายแก่เจ้านายชั้นสูง เชื้อพระวงศ์ระดับสูง เจ้าสัวเศรษฐีทั้งหลาย ที่เหลือก็ใส่ไหบรรจุไว้บนหลังคาพระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาสส่วนหนึ่ง ในเจดีย์ทองรอบวัดพระแก้วมรกตส่วนหนึ่ง วัดระฆังส่วนหนึ่ง
พระเครื่องชุดนี้โด่งดังครั้งแรกเมื่อเกิดลงห่าลงกินเมือง (อหิวาตกโรค) ผู้ที่มีสมเด็จเบญจรงค์ได้นำมาอธิษฐานทำน้ำมนต์กินก็สามารถระงับอาการป่วยได้ ก็เลยทำตาม ๆ กัน จนโรคห่าสงบ ชาวบ้านจึงเลื่อมใสกันมาก ต่างแสวงหากัน แต่ก็หาไมได้ เพราะท่านนำไปบรรจุในกรุเจดีย์ต่าง ๆ หมดแล้ว กรุเจดีย์ที่วัดระฆังก็ถูกน้ำเซาะตลิ่งพังจมลงในแม่น้ำเจ้าพระยา จึงเหลืออยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติปัจจุบัน และที่เจดีย์ทองวัดพระแก้ว
ต่อมาเมื่อมีการบูรณะวัดบวรสถานมงคลที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ (พ.ศ.2514) ก็พบไหบรรจุพระสมเด็จบนเพดาน คนงานที่รื้อเพดานก็ลักลอบนำออกมาส่วนหนึ่ง แต่สมเด็จที่พบบนเพดานวัดบวรสถานมงคล เป็นพระสีน้ำหมาก มีโรยทองสีสันงดงามมาก บางองค์ก็มีทองมาก
บางองค์ก็มีทองน้อย ทองคำนี้บรรดาร้านทองในยุคนั้นได้นำเศษทองที่เกิดจากตะไบใส่กระป๋องมาถวายกรมพระราชวังบวร ท่านจึงนำมาโรยบนองค์พระฝังลึกลงในเนื้อ บางองค์ก็มีพระธาตุสีขาวองค์เล็ก ๆ ประดับอยู่ แต่เซียนพระเห็นแล้วไม่ได้ส่งเสริมกัน เพราะมีจำนวนมากเกินสำหรับการตลาด จึงกล่าวกันว่า พระที่เขาไม่เล่นกัน คือไม่มีราคานั่นเอง ต่อมาคนที่ได้ไปครอบครองประสบความเจริญรุ่งเรืองก็พากันแสวงหา แต่มักอยู่ในครอบครองเจ้านายทหารตำรวจชั้นผู้ใหญ่ พ่อค้าวานิชระดับสูงเท่านั้น ส่วนพระสมเด็จสายรุ้งที่สร้างพร้อม ๆ กัน มาจากกรุเจดีย์ทองวัดพระแก้วมรกต ก็แตกกรุคราวซ่อมแซมวัดพระแก้วมรกต คนงานแอบนำออกมาเร่ขายแถวท่าพระจันทร์ ในราคาองค์ละ30-40 บาท
พระสมเด็จที่ผมยกย่องที่สุดคือพระสายรุ้ง เพราะมาจากเจดีย์ทองวัดพระแก้ว วัดที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุด มีเทวดาอารักษ์ผู้ยิ่งใหญ่มากมายสถิตอยู่เพื่อช่วยบำรุงรักษาบ้านเมืองให้รอดพ้นภัยอันตราย และเป็นวัดที่ประกอบพิธีพุทธาภิเษกระดับชาติบ่อยที่สุด ดังนั้นพระชุดนี้ต้องเต็มเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล ให้คุณวิเศษแก่ผู้ครอบครองอย่างยิ่งยวด แต่ อย่าคิดเอาไปเกร็งกำไรนะครับ เพราะตลาดพระเครื่องเขาไม่นิยมเล่นกัน ถ้าเอาไว้คุ้มครองป้องกันตัวแล้วรีบ ๆ แสวงหากันเถอะ ใครได้ไว้ถือว่าโชคดีที่สุดในชีวิต พอ ๆ กับได้เหล็กไหลไพลดำมาครอบครองเสียอีก
แต่ความจริงแล้ว ราคาพระเครื่องจะขึ้นหรือลงอยู่กับวงการพุทธพานิชย์ให้ความสนใจหรือไม่ ถ้าเขาสนใจเขาก็หาทางปั่นราคาให้มันสูงขึ้น แต่ถ้าเขาไม่สนใจ แม้จะศักดิ์สิทธิ์เหมือนเหล็กไหล ก็หามีราคาค่างวดอันใดไม่ มันขึ้นอยู่กับว่า ใคร หาพระเครื่องเพื่ออะไร ต่างหาก
(ข้อความ สันยาสี :พระสมเด็จ กรุวังหน้าคุณค่าเกินล้าน)
|
|
|
พบทั้งหมด
0 รายการ รวมทั้งหมด :
1 หน้า :
|
|